วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประวัติและเนื้อที่ อำเภอดงหลวง

                          น้ำตกห้วยเลาแก่งโพธิ์ แหล่งวัฒนธรรมไทยโซ่ คชสารไม้โบราณ พระอวตารประทับบาท 
                       งามพิลาสอ่างชะโนด โขดหินภูเขาไฟ 
ทรามวัยนอนสำราญ







๑.ประวัติอำเภอดงหลวง
                   ในอดีตเมื่อ ๘๐ ปีก่อน หมู่บ้านดงหลวงอยู่ในเขตเมืองมุกดาหารเป็นดงทึบมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์  มีชุมชนที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ผู้ไทย,ข่า และกะโซ่ อาศัยอยู่ ต่อมาเมื่อประเทศไทย(สยาม) มีการจัดตั้งเป็นอำเภอและจังหวัด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ จึงโอนท้องที่ตำบลดงหลวงไปขึ้นกับอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม  ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๐ จึงได้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอดงหลวง ประกอบด้วย ๓ ตำบล คือ  ตำบลดงหลวง,หนองบัว และกกตูม ขึ้นกับอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม 
                   ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม ได้ยกฐานะขึ้นเป็น “จังหวัดมุกดาหาร” กิ่งอำเภอดงหลวง จึงได้ขึ้นต่ออำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และได้ยกฐานะเป็น “อำเภอดงหลวง” เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๗




๒.  ที่ตั้งและอาณาเขต
                   ที่ตั้ง อำเภอดงหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดมุกดาหาร พิกัด VD 517578 อยู่ห่างจากจังหวัด ระยะทาง 54 กิโลเมตร 
          อาณาเขต    ทิศตะวันออก  จดกับ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
                             ทิศตะวันตก  จดกับ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
                              ทิศใต้  จดกับ อำเภอเมืองและอำเภอคำชะอี จังหวัด                                   มุกดาหาร
                             ทิศเหนือ จดกับ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร และ                                  อำเภอนาแกจังหวัดนครพนม

 ๓.  การปกครอง และประชากร
          อำเภอดงหลวง แบ่งเขตการปกครอง ดังนี้
                   3.1 ตามลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕9  เป็น   ๖ ตำบล    ๖๐   หมู่บ้าน         รวม  9,113  ครัวเรือน  ประชากร  29,109  คน  ดังนี้
                             (1)  ตำบลดงหลวงมี  12  หมู่บ้านประชากร  1,822  ครัวเรือน  5,820 คน
                             (2)  ตำบลหนองบัวมี  8  หมู่บ้าน ประชากร  1,116  ครัวเรือน  3,941  คน
                             (3)  ตำบลกกตูม มี  16  หมู่บ้านประชากร  2,416  ครัวเรือน  6,835  คน
                             (4)  ตำบลหนองแคนมี  7  หมู่บ้านประชากร  1,246  ครัวเรือน  4,295  คน
                             (5)  ตำบลชะโนดน้อยมี  9  หมู่บ้านประชากร  1,257  ครัวเรือน  4,127  คน
                             (6)  ตำบลพังแดงมี 8  หมู่บ้าน  ประชากร  1,256  ครัวเรือน  4,091  คน
                   3.2 ตามลักษณะปกครองท้องถิ่น (อปท.) แยกเป็น 6  แห่ง
(1)    เทศบาลตำบลดงหลวง          
(2)    องค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัว                
(3)    เทศบาลตำบลกกตูม   
(4)    เทศบาลตำบลหนองแคน       
(5)    องค์การบริหารส่วนตำบลชะโนดน้อย   
(6)    องค์การบริหารส่วนตำบลพังแดง


วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การแสดงที่โดดเด่น อำเภอดงหลวง

          








รำโส้ทั่งบั้ง เป็นการแสดงที่กล่าวถึงพิธีกรรมความเชื่อของชาวโส้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณสกลนครและนครพนม ในการประกอบพิธีเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย ชาวโส้จะใช้กระบอกไม้ไผ่มากระแทกลงกับพื้น 
เพื่อให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ ต่อมาได้มีการประดิษฐ์คิดท่ารำให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น 

ดนตรี ในพิธีกรรมดั้งเดิมใช้แคนอย่างเดียว เมื่อนำมาประกอบการแสดงวงโปงลาง ใช้เครื่องดนตรีแบบวงโปงลาง

การแต่งกาย 
ชาย นุ่งโสร่ง สวมเสื้อม่อฮ่อม คาดเอวด้วยผ้าขาวม้าหรือผ้าขิด 
หญิง นุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่ตีนจกสีครามเข้มหรือครามน้ำเงิน สวมเสื้อแขนกระบอกสีเดียวกับผ้าซิ่น ห่มสไบขิดหรือแพรวาสีแดง มวยผม รัดเกล้าด้วยด้ายขาว 





ประเพณีและวัฒนธรรมอำเภอดวงหลวง

                                               

ประเพณี   เป็นกิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เป็นเอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อสังคม เช่น การแต่งกาย ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปกรรม กฎหมาย คุณธรรม ความเชื่อ   อันเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมของสังคมเชื้อชาติต่างๆ กลายเป็นประเพณีประจำชาติและถ่ายทอดกันมาโดยลำดับ หากประเพณีนั้นดีอยู่แล้วก็รักษาไว้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ หากไม่ดีก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ



พิธีกรรมเหยา ไทโซ่

พิธีกรรมเหยาเป็นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างมนุษย์กับวิญญาณ โดยใช้บทกลอนและทำนองลำ มีแคนประกอบการให้จังหวะ ผู้ทำหน้าที่สื่อสารคือ หมอเหยา การเหยาแต่ละครั้งจะมีเครื่องคายประกอบ

    พิธีกรรมเหยาถือว่าเป็นวิธีการบำบัดรักษาพื้นบ้านอย่างหนึ่ง ที่รักษาการเจ็บป่วยของชาวบ้าน อันเนื่องจากการละเมิดหรือสร้างความไม่พอใจต่อผี ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นผีมีอำนาจ ความรู้สึก อารมณ์ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อเกิดการเจ็บป่วย หรือประสบภัยธรรมชาต ก็จะเชื่อว่าเกิดจากการละเมิดต่อผีจึงต้องมีการทำพิธีบวงสรวง กราบไหว้ บูชา เพื่อให้ผีมาช่วยบำบัดขจัดปัญหาความเดือดร้อน และเชื่อว่าผีจะดลบันดาลให้เป็นไปตามต้องการได้




  ๑. จัดเครื่องการเหยาและหมอแคนให้เรียบร้อยแล้วยกเครื่องคาย (เครื่องไหว้ครู) มาวางตรงหน้าหมอเหยา หมอแคนจะนั่งอยู่ข้าง ๆ หมอเหยา คนป่วยจะนั่งหรือนอนอยู่ใกล้ๆ หมอเหยา กรณีผู้ป่วยไม่สามารถอยู่ในพิธีได้ให้เอาเสื้อผ้าของคนป่วยมาวางไว้หน้าพิธีที่จะเหยานั้น

    ๒. หมอเหยาจะเริ่มบูชาครูก่อนแล้วลำเชิญผีลง หรือเรียกผีให้มาเข้าทรง เพื่อจะได้ถามว่าคนป่วยนั้นเป็นอะไร เมื่อผีมาเข้าทรงแล้วจะมีการแต่งตัวให้หมอเหยาใหม่ คือ ถ้าผีมาเข้าทรงนั้นเป็นผีเงือก ผีงู หมอเหยาจะเอาผ้าแดงมัดศีรษะ ถ้าเป็นผีป่ามาสิงหรือผีบ้านธรรมดา หมอเหยาจะมัดศีรษะด้วยฝ้ายดอกไม้ ถ้าเป็นผีนักมวยใช้ผ้าแดงมัดศีรษะเหมือนกัน แต่เวลาร่ายรำหมอเหยาจะกำกำปั้นเหมือนจะชกมวย หมอเหยาจะร้องลำไปตามทำนองแคน การเหยาช่วงนี้ใช้เวลานานแล้วแต่ผีจะบอกให้แก้ไขอย่างไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคนป่วยนั้นทำผิดอะไรและต้องทำตามผีบอกด้วย นอกจากกรณีที่ไม่สามารถทำได้ในเวลานั้นก็จะบนบานไว้

    ๓. หมอเหยาไปแล้วโรคภัยไม่ยอมออกจากร่างกายผู้ป่วย หมอเหยาจะทำพิธีกวาดออกไป โดยให้ผู้ป่วยนอนหันปลายเท้าไปทางทิศตะวันตก แล้วใช้ใบน้อยโหน่งจุ่มน้ำเหล้ากวาดจากศีรษะไปทางปลายเท้า ถ้าผีหรือโรคภัยนั้นดื้อไม่ยอมออกไปหมอเหยาจะเอาดาบทำพิธีกวาดออก

    ๔. หมอเหยาจะเอาขวัญของผู้ป่วยให้มาอยู่คิง(ตัว) แล้วเหยาลา หรือที่ภาษาหมอเหยาเรียกว่า "ม้วนผีขึ้นหิ้ง"

   ๕. เมื่อเสร็จพิธีเหยาแล้วจะผูกแขนให้คนป่วย โดยให้หมอเหยาผูกก่อนตามด้วยญาติพี่น้อง ใช้ฝ้ายผูกแขนที่อยู่ในคายผูกข้อมือให้คนป่วยพร้อมอวยพรให้หายวันหายคืน มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป ผูกแขนเสร็จมีการ "ปงคาย" โดยใช้ผ้าขาวที่รองคายนั้นห่อสิ่งของที่อยู่ในคายนั้นไปด้วย เป็นอันเสร็จพิธี